เนื่องจากเมื่อวานสาลี่ไป hang out กับเพื่อนที่ทำงานมาค่ะ (/แฮง-เอ้าท์/ - บางครั้งออกเสียงเชื่อมกันว่า /แฮง-เง้าท์/ นะคะ ฝรั่งอเมริกันชอบเชื่อมพยัญชนะท้ายตัวหน้ากับ พยัญชนะแรกตัวหลังกันเสียงจริง) ได้ปลดปล่อยความแรดที่สิงสถิตย์อยู่ข้างในไปเกือบหมด (หอบกลับบ้านมานิดหน่อย เอามาเขียนบล็อก เอิ๊กๆ) อ้ออ้อ คำว่า hang out จึงแปลว่า "ออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ"(ภาษาชาวบ้านเรียกว่า "ออกไปแรด" ค่ะ) ดังนั้นเอาไปใช้พูดกับผู้ใหญ่คงจะไม่ดีค่ะ หาทางพูดแบบอื่นดีกว่าค่ะ เช่น go out เป็นต้น เพราะคำว่า hang out มันซ่าไปนิดนึงค่ะ
เมื่อคืนเลยไป sing a song เอ้ย ไป sing many songs กับเพื่อนๆ ที่คาราโอเกะแถวที่ทำงานมาค่ะ วันรุ่งขึ้น (ซึ่งก็คือวันนี้) ก็เลยมีอาการเสียงแหบเสียงแห้งเกิดขึ้นในบัดดล จึงไม่ต้องแปลกใจว่า เหตุใดวันนี้หัวข้อจึงเป็นเพลงใหม่ล่าสุดในตลาด คิดว่าทุกคนต้องร้องได้ 55+ ขอแทรกนิดค่ะ คำว่า "เสียงแหบ" ใช้คำว่า lose voice นะคะ ออกเสียงว่า /ลูซ/ นะคะ ส่วนกริยาช่อง 2 ของ lose คือคำว่า lost /ลอสท์/
เช่น A: Do you wanna sing a song? (wanna = want to นะคะ ตามด้วย V. ช่อง 0 คือกริยาที่ไม่เติมอะไรเลย ไม่เติม ing, ed, s, es ไม่เติมเลยค้า)
ฺB: No, thanks. I don't feel good if I lose my voice tomorrow. ไม่เอาอ่ะ พรุ่งนี้ไม่อยากเสียงแหบ ^^" (แต่สาลี่ไม่ใช่ค้า เต็มที่โล้ด ก็เลย lose my voice เลย )
อย่างที่สาลี่เคยบอกไปนะคะ สำหรับคนที่เข้ามาอ่านบล็อกของสาลี่เป็นครั้งแรก สาลี่เคยแนะนำไปในครั้งก่อนๆ ว่า การเริ่มต้น (เน้นนะคะ เริ่มต้น) เรียนภาษาอังกฤษ ประการแรกต้องเริ่มที่ "ทัศนคติ" หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า "attitude" = the way you view the world or things around you คำว่า "attitude นี้ อ่านว่า /แอ๊ด-เทอะ-ทูด/" ห้ามอ่านว่า แอ๊ดติจูด นะเออ (เสี่ยว-อ้า)
***อ๊ะ อ๊ะ อย่าจำคำว่า attitude สับสนกับคำว่า altitude นะคะ สองคำนี้แตกต่างกันที่ตัว "t" กับ "l" เท่านั้น คำว่า altitude อ่านว่า /แอ้ล-เทอะ-ทูด/ ห้ามอ่านว่า อัลติจูดนะคะ (เสี่ยว-อ้า) แปลว่า ความสูง ค่ะ
(เวลาจำ สาลี่จำแบบนี้ค่ะว่า คำว่า ทัศนคติ มันนำหน้าด้วยตัว "ท" ซึ่งภาษาอังกฤษ ก็คือตัว "t" ดังนั้น ระหว่าง attitude กับ altitude ก็แยกได้ง่ายนิดเดียว ดูสิว่าหลังตัว a เป็น at หรือ al -- แน่นอนว่าคำว่า "ทัศนคติ" ต้องเป็นคำว่า attitude อยู่แล้ว เพราะมีตัว "t" อยู่ตั้ง 2 ตัวแหน่ะ)
สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ การทำให้ตัวเองรู้สึกดีกับภาษาัอังกฤษค่ะ วิธีหนึ่งที่ง่ายๆ เหมาะกับคนธรรมดาที่ไม่ซาดิสต์ ก็คือ การฟังเพลง ไงคะ สาลี่ก็เริ่มฝึกภาษาอังกฤษจากการฟังเพลงเหมือนกัน และไปร้องคาราโอเกะครั้งนี้ ก็เป็นแบบฝึกหัดที่ดี (ที่จริงเป็นการแก้ตัว เพราะว่าจะไปร้องเพลงอย่างเดียวก็ดูจะไร้สาระไปนิดนึง ก็เลยแก้ตัวหน้าด้านๆ ว่า ไปฝึกฟังเพลงอังกฤษ หรือ ไปอ่านซับเพลงภาษาอังกฤษค้า--แก้ตัวดูดีมาก)
ชื่อเรื่องวันนี้ก็ไม่ได้กำหนดขึ้นมาอย่างไร้สาระนะคะ เพราะเพลงที่สาลี่ฟังเพื่อนๆ ร้องเมื่อวาน (55+ ทำไมต้องฟังเพื่อนร้องนะหรอคะ ก็เพราะว่าสาลี่เน้นอาร์สยามค้า คนละแนว ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลย หุหุ) เป็นเพลงที่มีคำว่า sound อยู่ในนั้นเสียด้วย
SOUND -- ต๊ายครูสาลี่เอาอะไรมาสอนกันนิ ง่ายมาก
จริงค่ะ ง่ายจริงๆ คำนี้ออกเสียงว่า "/ซาวน์ด/" เวลาออกเสียงให้ออกเสียง "น" ด้วยนะคะแล้วจบด้วย ดึ เบาๆ ให้มันเซ็กซี่หน่อยๆ
แน่นอนว่า Sound เป็นคำนาม แปลว่า "เสียง" 555+ จะมาสอนทำไมเนี่ยะ นี่มันศัพท์อนุบาลหมีควายชัดๆ
อ๊ะ ก็จริงอีกนั่นแหล่ะค่ะ แต่คำว่า SOUND ไม่ได้มีแต่ที่เป็นคำนามอย่างเดียวนะคะ ในทางกฎหมายเอง เรายังนำคำว่า sound มาใช้กันเลยค่ะ เป็นไงละคะ เริ่มไม่ "หมู" อย่างที่คิดไว้ตอนแรกเสียแล้ว
เช่น sound mind /ซาวน์ด มายด์/ เวลาใช้จะใช้โครงสร้างว่า to be of sound mind นะคะ
คำนามคืออะไรเอ่ย อะ....ถูกต้องค่ะ คำนามคือคำว่า mind แล้วนะคะ ไม่ใช่ sound และ sound ในที่นี้ไม่ใช่คำนาม เพราะไม่ได้แปลว่า "เสียง" อีกแล้ว แต่คำว่า "sound" นี้ไปขยายคำว่า "mind" เอ...ว่าแต่ว่า คำที่ใช้ขยายคำนาม เราเรียกว่าอะไรคะ .....ปาล์มมี่ ปาล์มมี่ ...ติ๊ก ตอก ติ๊ก ตอก (ขำไหมเนี่ยะ เฮ้อ) ..............คำนั้นคือคำ adj นั่นเองค่ะ (ใครนึกไม่ออก แวะเข้าไปอ่านเรื่อง Part of Speech กันก่อนเลยค้า ที่นี่)
คำว่า sound ซึ่งทำหน้าที่เป็น Adj. หรือคำขยานนาย เอ้ย ขยายนาม ในที่นี้ จึงแปลว่า (1) ที่สมบูรณ์ (2) ที่ตัดสินหรือวินิจฉัยได้ถูกต้องและมีเหตุผล (3) ใช้กับการนอนหลับ (sleep) จะแปลว่า หลับลึกแบบไม่ฝันเลยค่ะ ^^"
In California, any person eighteen (18) or more years of age who is of sound mind may make a Will.
ประโยคข้างต้นจึงแปลว่า "ในรัฐแคลิฟอร์เนีย บุคคลที่มีอายุครบหรือมากกว่า 18 ปี ผู้ซึ่งมีความสามารถในการตัดสินใจ (ได้อย่างมีเหตุผล) อาจทำพินัยกรรมได้"
อ้อ ลืมบอกไปค่ะว่า เพลงอะไรไม่รู้ที่เพื่อนสาลี่ร้องนั้น เขาใช้คำว่า "sound sleep" แปลว่า "หลับสนิท นิ่งสงบ" มาก วันนี้ก็เลยเอาคำว่า sound มาฝากทุกคนกันค่ะ
สุดท้ายวันนี้ ขอปิดท้ายด้วยประโยคที่ว่า
"A sound mind is in a sound body."
ซึ่งมีผู้แปลเอาไว้ว่า
"จิตใจอันผ่องใสย่อมอยู่ในกายอันสมบูรณ์"
รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ
7 ความคิดเห็น
สุดยอดค่ะ...Sound วันนี้ไม่ง่ายเลย และไม่เคยใช้คำว่า 'sound mind' มาก่อน ขอบคุณมากค่ะครูสาลี่ที่เพิ่มพูนความรู้...เสียงกลับมาสดใสเหมือนเดิมหรือยังค่ะ...พี่เอิงค่ะ
ตอบลบอืม hang out เฉยๆ ก็ดีนะ แต่ชอบ make out มากกว่า
ตอบลบmanic
@พี่เอิง -- สาลี่เสียงหายแล้วค่ะ 55+ สงสัยต้องไปหัดโปรเจ็กเสียงเสียหน่อยแล้ว ถ้าวันหลังหนูไปเชียงใหม่ หนูจะไปโพสหน้าวอลพี่เอิง ชวนไปร้อนเกะกันนะคะ สนไหมเอ่ย
ตอบลบ@MANIC -- 55+ เม้นท์แมนนิคทำให้สาลี่หัวใจจะวายทุกที แต่ก็ขำนะ เอาเป็นว่าหากวันใดสาลี่เขียนบล็อกติดเรท จะอุทิศให้แมนนิคก่อนใครเพื่อนเลย 555 ดีปะ
สงสัยจะลืมฝึกแบบฝึกหัดหายใจและการเปล่งเสียงเลยต้อง lose your voice ใช่มั๊ยจ๊ะ......ครูเอ
ตอบลบ"ตี่ง!" แหม คุณครูก็
ตอบลบได้ความรู้มากมาย ขอบคุณค่ะ ^^
ตอบลบปล.เมื่อไหร่ครูสาลี่จะสอน adj แบบเน้นๆค่ะ อยากอ่านแล้วค่ะ รออยู่นะคะ
ปล.2จะดีมากๆ ถ้าได้เรียน part of speech ตัวที่เหลืออื่นๆด้วยค่ะ .... ที่เคยเรียนมาไม่เข้าใจเลย เจอ noun pronoun verb ของครูสาลี่เข้าไป .... อัจฉริยะขึ้นมาทันทีเลยค่ะ 555+++
ขอบคุณมากๆค่ะ
อนุ
Thank you very much. อ่านแล้วเข้าใจง่ายค่ะ สนุกด้วย ไม่รู้สึกเครียดค่ะ (บางทีอ่านไปอมยิ้มไป)
ตอบลบครูสาลี่สอนได้เจ๋งมากเลยค่ะ
unnyaniicha*_*love English.
ทักทาย แสดงความคิดเห็นหรือถามคำถามได้ ที่นี่ เลยค่ะ