Advertisement

Main Ad

หัวใจหลักของการเรียนอังกฤษ Part of Speech ใครไม่รู้จัก เข้ามาค่ะ

Part of Speech หน้าที่ของคำในภาษาอังกฤษ


การเรียนแกรมมาร์ (Grammar) ไม่ได้ยากอย่างที่คิดค่ะ ผู้เรียนต้องอัพรอมและแรมของเครื่องตัวเองให้แรงเสียหน่อยจะได้อัพโหลดหรือดาวน์โหลดอะไรได้เร็วๆ ไม่ค้าง (อิอิ เกี่ยวกันไหมเนี่ยะ) ที่สำคัญต้องมีการทำ Disk Defragmenterหรือต้องมีการจัดระเบียบไฟล์บ้างนะคะ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

ก่อนที่ทุกคนจะเริ่มเรียนไปกับครูสาลี่ ครูอยากแนะนำว่าทุกคนต้อง เน้นว่า ต้อง! ต้องรู้ชนิดของคำและหน้าที่ของคำในภาษาอังกฤษค่ะ (มีลูกศิษย์หลายคนถามครูว่า ต้องรู้ไปทำไม: ครูเต๊ะท่านิดนึง ก่อนตอบออกไปว่า ถ้านู๋รู้ว่าแต่ละคำทำหน้าที่อะไร นู๋จะวางมันถูกที่ค่ะ ไม่วางมั่ว สะเปะสะปะและการเรียนอังกฤษของนู๋จะดีขึ้นทันตาเห็น จริงๆ นะคะ)

วันนี้ครูอยากจะแนะนำทุกคนให้รู้จักกับครอบครัวอังกฤษที่ไม่ใหญ่มากกันสักครอบครัวหนึ่งนะคะ
สมาชิกของครอบครัวนี้ มี 8 คนค่ะ
เรียกว่าPart of Speech Family

สมาชิกแต่ละคนของครอบครัวจะมีหน้าที่กันคนละอย่าง ซึ่งแต่ละคนแต่งงาน ออกลูกออกหลานกันไปมากมาย (จะกล่าวถึงในบทต่อๆไป)

ลองมาฟังเรื่องราวนี้ดูค่ะ


ซาราห์ (นางเอกของเรา) เกิดที่ร้อยเอ็ด เนื่องจากคุณแม่ชอบทานสาหร่ายมาก เมื่อมีลูกจึงตั้งชื่อลูกว่า"ซาราห์”ด้วยผิวสีที่เหมือนกาแฟใส่นม (ฝรั่งเรียกว่า Café au laitอ่านว่า คาเฟโอเล่ – ภาษาฝรั่งเศส) เธอจึงมักเป็นแม่เหล็กดึงดูดฝรั่งตาน้ำข้าวเสมอๆ วันหนึ่ง ในขณะที่เธอกำลังเดินอยู่ ณ เนินเขาโคก
ซาราห์รู้สึกว่า มันกำลังจะมา มันมาแน่ๆ (เลียนแบบโฆษณา เนเจอร์กิ๊ฟ) ซาราห์ไม่ได้รู้สึกไปเองนะ ว่ามีคนเดินตามเธอมา ว่าแล้ว ซาราห์ก็เหลือบไปดูด้านหลัง ด้วยความที่แม่พร่ำสอนลูกสาวสุดสวย (สวยแต่ในมุมของตัวเอง) อยู่เสมอว่า ให้คอยระวังหลัง อาจมีขโมยขโจรเดินตามมาปล้นแล้วจะมาแย่งเชอร์รี่เราไปได้ (ตรงนี้เป็นสำนวนค่ะ ฝรั่งเปรียบเทียบความบริสุทธ์ของสาวๆว่า เป็น “ลูกเชอร์รี่”)ซาราห์ก็เลยหันไปดูให้รู้แล้วรู้รอดกันเสียเลยว่า ไผที่ตามข่อยมา เพียงแค่หางตาเหลือบมองเท่านั้นซาราห์ก็ไม่สามารถก้าวเดินต่อไปได้ ด้วยวิทยายุทธที่ฝึกฝนมานาน เธอเว้าออกมาเป็นภาษาอังกฤษ สำเนียงแคมโบเดียน (Cambodian –เขมร) ว่า








ทุกคนรู้ไหมคะว่า ประโยคที่ซาราห์พูดออกมานั้น ครบถ้วนไปด้วยครอบครัว Part of Speech Family

(ครอบครัวหน้าที่ของคำ)
สรุปย่อๆนะคะ (บทนี้ จำให้ได้ก่อนว่า สมาชิกทั้ง 8 คน มีใครบ้าง และแต่ละตัวทำหน้าที่อะไรนะคะ)

1. Oh! เป็น Interjection (คำอุทาน) มักพูดกันลอย มีหลายคำที่ทุกคนน่าจะรู้จักกันค่ะ
เช่น
Wow (ว๊าวววว ว๊าว ว๊าววว) Gosh! (มาจากมาย ก็อด นะคะ) Shit! (อ๊าไม่ได้แปลว่า อุนจินะ
แต่เอาไว้สบถเวลาไม่พอใจกับอะไรๆ ค่ะ) เป็นต้น


2. dark,tall, handsome เป็น Adjective (คำคุณศัพท์---ขยายนาม ขนามยาย เฮ้ย! ขยายนาม)
เพราะมันเป็นคำที่บอกคุณลักษณะของคำนาม (คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่) ไงคะ ถึงตรงนี้ ทุกคนขา
ท่องไว้ค่ะ ว่า
Adj. อยู่หน้านาม หลัง Beจะสังเกตว่า dark tall และ handsome บอกลักษณะของคำนามคำว่าGuy (ผู้ชาย) ว่า ฮู้ ฮ่า หล่อ เข้ม เร้าใจ ขยายคำไหนวางไว้หน้าคำนั้นได้เลยค่ะ
เช่น
Beautiful Sarah (อันนี้คือน้องซาราห์สุดสวย) เป็นต้น


3. and เป็นConjunction (คำสันธาน) จำง่ายๆ ว่า สะพาน (เสียงใกล้เคียงกัน
เหมือนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว) มันจึงเป็นตัวเชื่อม เชื่อมประโยค กลุ่มคำหรือคำ ได้หมดค่ะ
มีหลายรูปแบบ เช่น ตัวที่บอกความขัดแย้ง
(but, although, nevertheless, yet, still)
ตัวที่บอกความเป็นเหตุเป็นผล
(because, since, so) ตัวที่บอกการคล้อยตามกัน (and, moreover, in addition)จะกล่าวอย่างละเอียดอีกทีนะคะ


4.guy เป็น Noun (คำนาม) คำนาม คือ คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่(มีเยอะมากค่ะ V.บางตัวเติม –ing ก็ทำให้เป็นคำนามได้ เราเรียกว่า gerundเจอรัล) อะไรที่เป็นคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ เป็นคำนามหมดเลยนะคะ
ทั้งนี้ นามประกอบไปด้วย นามนับได้ และนามนามไม่ได้ ซึ่งครูสาลี่จะกล่าวต่อไปในอนาคตนะคะ

(เรื่องนี้ต้องเล่านิทาน หุหุ)
5.is walking เป็น Verb (คำกริยา) คำกริยา คือ ตัวที่บอก Action (การกระทำต่างๆ) กริยาแบ่งได้หลายประเภท แต่ครูสาลี่ขอยกเอาการแบ่งกริยาแบบ V. ช่วย (Auxiliary Verbs) และ V. แท้ มาสอนนะคะ ใช้ประโยชน์ได้เยอะเลยค่ะ เช่น I will write you a letter tonight. กริยามีอยู่ 2 ตัว หาเจอเปล่าเอ่ย อ๊า ถูกต้องแล้วค่ะ นั่นคือ คำว่า will และwrite หากเราเอานิ้วจิ้มปิดคำว่า will เรายังคงรู้ความหมายโดยรวมของประโยคว่า อ้อ ฉันเขียนจม.ถึงคุณคืนนี้ แต่ในทางกลับกัน ถ้าเราเอานิ้วจิ้มปิดคำว่า writeเราก็จะงง ต้องนั่งทางใน จึงจะรู้ว่าทำอะไรหว่า
ดังนั้น กริยาตัวที่เราปิดแล้วไม่รู้ความหมาย(write) นั่นล่ะค่ะ เป็น V. แท้ ของประโยค ในขณะที่ will เป็น V. เทียม (เฮ้ย! ไม่ใช่) V. ช่วย จ้า


6. to เป็นPreposition (คำบุพบท) คำบอกตำแหน่งแห่งที่ค่ะ
เช่น
in, on, at, between, to, in front of, over และอื่นๆ อีกมากมาย
แต่ตัวที่ใช้กันบ่อยที่สุด นั่น คือ
onวัน in เดือน ท่องไว้น๊า
และเมื่อ
V. ชน V. ใช้ to มาคั่นค่ะ (มีข้อยกเว้นแต่อย่าเพิ่งไปสนใจมันตอนนี้ค่ะ)
เช่น
I want to go …., He hates toplay football. เป็นต้น


7. me เป็น Pronoun (คำสรรพนาม) แต่เป็น Object Pronoun นะคะ
สรรพนามมีหลายแบบค่ะ แบบที่ใช้เป็นประธานก็มี
(I You We They; He She It)
แบบที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ
(my+book = mine, your+book = yours, our+book = ours,
their+book = theirs, his+book = his, her+book = hers, its+bone = its)

และแบบที่ใช้เป็นกรรมค่ะ
(me, you, us, them, him, her, it) เป็นต้น

8.slowly, at this moment เป็น Adverb (คำวิเศษณ์) หรือคำขยายกริยา (Adj.ขยาย N. แต่ Adv. ขยายV. ค่ะอย่าสับสนนะคะ) ส่วนใหญ่มักเติม –ly หลัง Adj. เช่น beautiful—beautifully, kind—kindly, short—shortly เป็นต้น แต่มีข้อยกเว้นนะคะ ได้แก่ Fast, well, hard (คำเหล่านี้ไม่ต้องเติม ly นะจ๊ะ) อ๊ะๆ คำว่า at this moment ก็เป็นAdv. นะคะ เรียกว่า Adverb of time ค่ะ (บอกเวลา)



ดูคลิปทบทวนกันอีกรอบนะคะ (เวอร์ชั่นสำหรับคนขี้เกียจอ่าน)

ThaiBlog.info

แสดงความคิดเห็น

31 ความคิดเห็น

  1. อธิบายได้โคตรเทพพพพเลยครับ
    ขนาดเรียนที่กวดวิชายังไม่เข้าใจขนาดนี้เลย

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณค่ะ ยินดีที่เป็นประโยชน์แก่ทุกคนค่ะ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ18 กรกฎาคม 2553 เวลา 19:18

    เข้าใจมากขึ้นเลยคะ ^^

    ขอบคุนมากๆ เล ย ย

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ24 พฤษภาคม 2554 เวลา 22:16

    สุดยอดจิงๆคั้บ ชอบม๊ากมากกกก

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ13 กันยายน 2554 เวลา 22:30

    I really think that this article is very awesome.

    I = Subject
    Really = ADV
    Think = Main verb
    That = Conjunction (รึป่าว ไม่แน่จัย 55)
    This article = Object
    Is = Helping verb
    Very = ADV (เพราะขยาย ADJ)
    Awesome = ADJ

    ประมาณนี้ใช่ม่ะครับพี่ 55

    SMK`Original

    ตอบลบ
  6. โอ้โห เก่งมากค่ะ
    ขอเสริมนิดเดียว
    1. That เป็น Conjunction ซึ่งแปลว่า สันธาน (จำว่าสะพานเชื่อม จะได้จำง่าย) สันธานเชื่อมประโยค 2 ประโยคค่ะ ดังนั้น ด้านหลัง that ตรงนี้ ก็ต้องเป็นประธานของประโยคที่ 2 ค่ะ (มหัศจรรย์ของคำว่า "that' มีอีกมากมายค่ะ เอาเป็น Topic เขียนในวันพรุ่งนี้เลยดีไหมเอ่ย) ดังนั้น ประธานของประโยคที่ 2 คือ this article ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ This (Adjective) และ article (noun) ค้า

    2. Is ตรงนี้เป็น Linking Verb ค่ะ โปรดติดตาม ตอนต่อไปใน ADJ นะคะ
    555+ ตอนนั้นมีเพลงด้วย แอบโปรยไว้ก่อน ...

    นอกนั้น เก่งมากค่ะ ไม่มีที่ติจริงๆ สุดยอด หวังว่าสิ่งที่พี่เขียนคงทำให้เห็นภาพรวมของภาษาอังกฤษมากขึ้น นอกจากนี้ เคล็ดวิชาก็จะอยู่ที่ Tense แล้วล่ะค่ะ ^^ แล้วก็คำศัพท์ สู้ๆ นะคะ

    ตอบลบ
  7. เรียนมาตั้งนานนน เพิ่งเข้าใจก็วันนี้แหละค่ะ

    ชอบมากมาย จะเข้ามาอ่านทุกวันน๊า

    ตอบลบ
  8. ยินดีค่ะ สาลี่มีแยกเรื่องสอนตั้งแต่ต้นด้วยนะคะ
    หากต้องการเข้าไปอ่านเพิ่มเติม
    สามารถเข้าไปได้ที่ http://krusali.blogspot.com/p/grammar-krusali.html ค่ะ :)

    ตอบลบ
  9. ครูสาลี่จาาาาาาาาาาา........... หนูงงเรื่อง ไฟไนท์เวิร์ป กับ นอนไฟไนท์นิดหน่อยค่ะ..ครูสาลี่อธิบายหนูทีนะคะ

    ..คือหนูอ่านหนังสือมาเค้าบอกว่า==> ไฟไนท์เวิร์ป(กริยาเเท้)จะผันตามประธาน และผันตามเวลา(tense) ส่วนนอนไฟไนท์จะไม่ผันตาม... งั้นเเบบประโยคนี้

    1) She is playing football ==> is เป็น Finite V. ใช่ป่าวคะ เพราะถ้าเป็นอดีตมันก็เปลี่ยนรูป เเต่ play ไม่เปลี่ยน

    2) We do not go to school ==> do เป็น Finite V, หรือป่าวคะ ? เพราะหนูเห็นว่าถ้าเปลี่ยนประธาน กับ Tense มันก็จะเปลี่ยนรูป... แต่พอนึกก็จำได้ว่่า อ้าววว ดูเป็น V.ช่วยนี่นา..หนูเลยเรียกมันเเต่ละตัวไม่ถูกค่ะ

    3) I will not see you...แล้วเเบบนี้อะคะ (will = helping V. ) แต่มันก็เปลี่ยนรูปได้นะคะเป็น would

    ครูสาลี่สอนหนูเเบบง่ายๆ ให้หายสงสัยทีนะคะ...(ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ)T^T

    Som-o

    ตอบลบ
  10. สวัสดีจ้าส้ม อิอิ
    พี่เขียนเรื่องกริยาไว้ให้อ่านแล้วค่ะ อ่านในนี้ได้เลย http://krusali.blogspot.com/2011/10/verb-1.html
    พี่จำง่ายๆ ว่า Finite Verb คือ กริยาแท้ (ผันตามประธาน -- หนูเข้าใจถูกต้องแล้ว) ส่วน non-finite verb เป็นกริยาไม่แท้ค่ะ ลองอ่านบทความพี่ดูก่อนนะ น่าจะเข้าใจขึ้น แต่พี่ยังไม่ได้ลงลึกเรื่องกริยาไม่แท้นะจ๊ะ สอนไปแค่กริยาช่วยและกริยาแท้ :)

    ส่วนเรื่องกริยาไม่แท้นั้น เดี๋ยวพี่จะเขียนเพิ่มเติมเร็วๆ นี้ค่ะ แต่ใบ้ให้ กริยาไม่แท้ คือ กริยาที่ไม่ใช่กริยาหลักของประโยคค่ะ ไม่ใช่กริยาของประธานตัวนั้นโดยตรง เช่น I want to go to the beach. กริยาแท้คือ want เพราะเป็น action ของ I โดยตรง แต่ to go เป็นกริยาไม่แท้ ที่เรียกว่า infinitive หรือ verb ช่อง 0 คือ ไม่ผัน ไม่เปลี่ยนรูปอะไรเลย ไม่ต้องเติม ed, ing, s, es ทั้งสิ้น เป็นต้น

    รอสักครู่ แล้วจะเขียนให้ทั้งเรื่องเลยค้า

    ตอบลบ
  11. ขอบคุณครับ พี่สาลี่ โดยส่วนตัวผมส่วนใจภาษาอังกฤษอยู่แล้วครับ มักอ่านนิยายอังกฤษ อ่านแบบเปิด ดิ๊ก ไป ความที่ออกก็ชวนทำให้ งง มากครับ หลุดมาเจอบทความของพี่ นี้แหละครับ ทั้ง สนุก ได้ความรู้อ่านแล้วไม่ชวน ง่วง ครับขอบคุณกร๊าบบบบบ

    ตอบลบ
  12. ขอบคุณครับ ชอบมากเลยครับ

    ตอบลบ
  13. ถึงน้อง "ไม่รู้" พี่สาลี่ดีใจค่ะ
    ที่สามารถเผยแพร่ความรู้ภาษาอังกฤษได้อีกช่องทางหนึ่ง
    การเรียนรู้ไม่มีจบสิ้น เนอะ

    มีอะไรก็คุยหรือแบ่งปันความรู้กันได้นะคะ

    สุขสันต์วันปีใหม่ค่ะ
    ขอให้ผู้อ่านทุกคนมีความสุขมากๆ นะคะ

    ตอบลบ
  14. จริงค่ะ สาลี่เห็นด้วยกับคุณ Piak

    ตอบลบ
  15. ไม่ระบุชื่อ27 มกราคม 2555 เวลา 12:55

    อยากให้ช่วยแนะนำการเขียนบทความภาษาอังกฤษน่ะค่ะ พอดีร่างเป็นภาษาไทย แต่พอจะเขียนเป็นภาษาอังกฤษกลับวางประโยคไว้ไม่ถูก T^T ช่วยแนะนำทีนะคะ ขอบคุณค่ะ :)

    ตอบลบ
  16. ไม่ระบุชื่อ6 กรกฎาคม 2555 เวลา 07:32

    คุณครูสาลี่ สอนได้น่ารักมากมายอ่ะ....เข้าใจง่ายด้ัวย ขอบคุณมักๆๆๆค่ะ

    ตอบลบ
  17. ไม่ระบุชื่อ10 กรกฎาคม 2555 เวลา 12:55

    หามานานแล้ว คนสอนแบบนี้ .. น่ารักมากค่ะ เข้าใจง่าย ขอบคุนมากค่ะ ^^

    ตอบลบ
  18. ไม่ระบุชื่อ18 มกราคม 2556 เวลา 21:41

    ดีใจมากค่ะที่เปิดมาเจอครูสาลี่ ได้ความรู้มาก จะติดตามตลอดเลยค่ะ เขียนบทความดีๆอีกนะคะ จะรออ่าน รอรับ AEC ค่ะ
    ขอบคุณค่ะ/jim

    ตอบลบ
  19. ขอบคุณคุณครูสาลี่มากเลยค่ะ เข้าใจขึ้นเยอะเลยยย คุณครูสาลี่น่ารักที่สวดดเยยยย ^_______^

    ตอบลบ
  20. ขอบคุณค่ะคุณครู,
    ขอนำบล๊อกคุณครูไปแนะนำให้ผู้ใฝ่รู้เรื่องภาษาต่อนะคะ

    ตอบลบ
  21. เข้าใจง่ายมากค่ะ ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  22. ขอยืมไปเล่าให้เด็กฟังนะคะ หนุกหนานมากเลย

    ตอบลบ
  23. ไม่ระบุชื่อ26 กรกฎาคม 2556 เวลา 16:24

    คุณคือโคบาล..ไม่ใช่สิ คุณคือฟ้าประทานความสว่างไสวให้แก่ผมได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งมากเลยครับ
    ผมจะติดตามอ่านอย่างไม่หยุดยั้ง ขออย่าได้หยุดเขียนนะครับ
    การให้ความรู้ ชนะการให้ทั้งปวงเลยครับ...ขอบคุณมากมายนะครับ

    ตอบลบ
  24. ไม่ระบุชื่อ29 กรกฎาคม 2556 เวลา 17:40

    ครูสาลี่ ไม่ได้เก่งเพียงแค่ภาษาอังกฤษ แต่จังเก่งเรื่องการเล่าเรื่อง การแต่งเรี่องให้ เรื่องยาก กลายเป็นเรื่องง่าน อ่านแล้วสนุก ไม่ซีเรียส ไม่ทราบว่าได้ทำเป็นหนังสือบ้างหรือยัง? จะตามไปซื้อ

    ตอบลบ
  25. ไม่ระบุชื่อ14 กันยายน 2556 เวลา 09:59

    OK เลย!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    ตอบลบ
  26. ไม่เก่งอังกฤษเลยแต่ถึงคราวจำเป็นต้องทดสอบ ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้เราเจอของดี อิอิ
    ขอบคุณน่ะค่ะครูสาลี่ เข้าใจเยอะขึ้นค่ะ อิอิ

    ตอบลบ
  27. สุดยอดเลยคับ

    ตอบลบ
  28. ไม่ระบุชื่อ31 สิงหาคม 2557 เวลา 19:38

    เป็นกำลังใจให้ครับและคอยติดตามครับครู แม้ว่านานๆจะมีเวลาเข้ามาครับ
    ชอบมากครับ เข้าใจง่ายกว่าตอนเรียนอีกครับ ทำไมสมัยเรียนครูถึงไม่สอนแบบให้เข้าใจง่ายอย่างนี้นะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณนะคะสำหรับกำลังใจ ^^ ตอนนี้สาลี่มีเป็นเวอร์ชั่นคลิปภาพและเสียงแล้วนะคะ :)
      เข้าชมได้ที่ลิงก์นี้เลยค่ะ http://www.krusali.com/2014/10/part-of-speech-1-introduction.html

      ลบ
  29. เคย พยายามและล้มเลิกมาหลายครั้ง หนังสือก็ซื้อมาซะเยแะ สำหรับภาษาอังกฤษ​ ไม่ได้ บังคับตัวเองให้ชอบ แต่เราชอบภาษาอังกฤษ​ เพราะอยากเข้าถึงข้อมูลบนโลกแบบไร้ขอบเขต . พอพยายามแล้วไม่เห็นผลมันเหนื่อยและที

    ตอบลบ

ทักทาย แสดงความคิดเห็นหรือถามคำถามได้ ที่นี่ เลยค่ะ