"My dear readers, I miss you all." คิดถึงคนอ่านชะมัดเลยค่ะ สาลี่ไม่ได้เขียนบล็อกมา 2 วัน เรียกว่าหายศรีษะไปเลย (ฝรั่งเขามักถามว่า "Where (the hell) have you been?" /แวร์ (เดอะ-เฮล) แฮฟ-ยู-บิน/ นะคะ คำว่า "the hell" ใส่เพื่อเพิ่มอารมณ์ ประมาณว่า "หายหัวไปไหนฟะ" ค่ะ ใช้กับเพื่อนสนิทเท่านั้นนะคะ มันไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่) เพราะว่าสาลี่ไปทำงานล่ามมาค่ะ (ล่าม = interpreter /อิน-เท้อ-เพร็ท-เทอะ/)
ว๊าว เขียนมาได้เท่านี้ก็ให้คำศัพท์เยอะแล้วเนอะ อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ คำไหนจำไม่ได้ก็ข้ามๆ มันไปก่อน
เริ่มแรก เรามาดู Article "A, An" กันก่อนนะคะ คำนี้แปลว่าอะไรคะเด็กๆ :)
คำนี้แปลว่า "หนึ่ง" แสดงว่า คำนามที่เราจะนำ a และ an ไปวางไว้ข้างหน้าได้นั้นต้องเป็นคำนามที่ "นับได้" ถึงเรียกได้ว่า 1,2,3, ปลาฉลามขึ้นบก 4,5,6 จิ้งจกยัดไส้ ..?!/#? ได้ นามไหนนับไม่ได้ แม้แต่ 1 ก็นับไม่ได้ "ใส่ a หรือ an ไม่ได้เด็ดขาดนะคะ" หลักเกณฑ์การใส่ a หรือ an กลับไปอ่านตอนที่ 1 นะเจ้าคะ
เมื่อรู้หลักการใส่ a, an แล้ว ก็มาดูหลักการใช้บ้าง
หลักข้อที่ 1: นำหน้านามนับได้ ที่มีเพียง 1 อย่างเท่านั้น และไม่เน้นว่าหมายถึงคำนามตัวไหน อันไหน เช่น
"I am a guy who likes a guy." ฉันเป็นชายที่ชอบชายนะยะ ^^
guy นะคะ ไ่ม่ใช่ gay อ่านดีๆ นะเออ คำว่า "guy /กาย/" เป็นนามนับได้ ประโยคนี้ไม่ได้เน้นว่าเป็นคนไหน :) แค่หมายถึงใครก็ได้ที่เป็นผู้ชายเท่านั้น ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นคนนี้ ... เท่านั้น
กรี๊ด.............สาลี่ตายไปแล้วค่ะ สะอึกในซิกซ์แพ็คของป้อจายคนนี้ คุณผู้ชายถ้ามาอ่านแล้ว ยังไม่มี 6 แพ็ค ก็ 2 -3 แพ็คไปก่อนก็ได้นะคะ เิอิ๊กๆ
หลักข้อที่ 1 สำหรับผู้เริ่มต้น 55+ แต่ถ้าคุณคิดว่า Advance พอละก็ (อย่าเตะสาลี่นะคะ ไม่ได้ดูถูก แค่ท้าทายเฉยๆ ) มา...ลุยกันต่อเลยค้า (หายสะอึกในความล่ำละ...ตั้งสติ Focus! บอกตัวเองอยู่ค่ะ)
หลักข้อที่ 2: นำหน้าคำนาม ใช้ในการบอกเวลา หรือการวัด เช่น
I work five days a week. ฉันทำงาน 5 วันเลยนะเธอ (จริงแล้วอยากลา 5 ทำแค่ 2)
This new car runs 220 kilometers an hour. รถใหม่คันนี้วิ่งได้ 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเชียวนะ (อย่าถามความสมเหตุสมผลกับสาลี่นะคะ...อิอิ ไม่มีค้า)
หลักข้อที่ 3: นำหน้าคำนาม ที่เป็นตัวเลขหรือปริมาณ "hundred, thousand, dozen" เช่น
จำเพลงนี้เลยค่ะ ง่ายดี "A hundred miles, a hundred miles, a hundred miles, a hundred miles, you can hear the whistle blows a hundred miles" ฟังเพลงนี้คลิกทีนี่ค่ะ
หลักข้อที่ 4: ใช้ตามหลัง "rather, quite, many, half, what, such" เช่น
Jim is rather a fool. จิมนี่ค่อนข้างฉลาดน้อยนะ
What a wonderful world! โลกนี่มันช่างน่าอัศจรรย์นัก (โครงสร้างแบบนี้ใช้กับประโยคอุทานนะคะ เดี๋ยวสอนในอนาคตค่ะ ไม่ต้องห่วง) มันเป็นชื่อเพลงค่ะ ถ้าอยากฟังเพลงนี้ คลิกที่นี่ค่ะ
หลักข้อที่ 5: ใช้ในโครงสร้าง "so, as, too, how + Adjective + a + คำนาม" เช่น
I have not seen so beautiful a girl before. ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงสวยขนาดนี้มาก่อน
This is too difficult a test for beginners. นี่มันสุดยอดเคล็ดวิชาแห่งความยากสำหรับเด็กเกรียนนะเนี่ยะ (โอ๊ย ใครเอาอะไรมาปาหัวสาลี่นี่...แปลใหม่ก็ได้ นี่มันเป็นแบบทดสอบที่ยากเกินไปสำหรับผู้เริ่มต้น)
OK ได้ความรู้กันไปพอหอมปากหอมคอนะคะ ก่อนจากกันวันนี้ ขอแถมสำนวนที่ใช้ a,an ไว้ 2 สำนวนนะคะ
Turn a deaf ear to แปลว่า ไม่ฟัง, เพิกเฉยต่อ
เช่น Some students turned a deaf ear to the teacher's advice.
แปลว่า นักเรียนบางคนก็ไม่ยอมฟังคำแนะนำของครูเลย
make an effort to แปลว่า พยายามที่จะ
เช่น I hope you will make an effort to pass the exam.
แปลว่า ฉันหวังว่าคุณคงพยายามสอบให้ผ่านนะ
การเขียนบทความของสาลี่อาจมีสิ่งใดที่กวนพระบาทาไปบ้าง
ขออภัยมา ณ ที่นี้ค่ะ
สิ่งเดียวที่ปรารถนาคือผู้อ่านสนุกไปกับการเรียนภาษาอังกฤษค่ะ ^^" สู้ๆ
*** ครั้งหน้าเราจะมาต่อเรื่อง "ใช้ the อย่างไร" และ "อะไรบ้างที่ห้ามใช้ Article นะคะ" ***
2 ความคิดเห็น
น่าสนใจดีครับแต่รู้สึกว่ามัน ยากจริงๆๆแง่ะ
ตอบลบไม่ยากหรอค้า แต่ว่าต้อง "จำ" ให้มันอยู่คงทนถาวรในสมอง 55+ อันนี้ยากกว่า
ตอบลบเอ่อ ... ลองทำความเข้าใจกับมันดูนะคะ ค่อยๆ อ่าน จำวันละข้อก็ได้ค่ะ
เอาใจช่วย หากไม่เข้าใจยังไงก็ถามสาลี่ได้ (แต่ตอบได้หรือเปล่าเป็นอีกเรื่องนึง ~(^^)~ ล้อเล่น)
ทักทาย แสดงความคิดเห็นหรือถามคำถามได้ ที่นี่ เลยค่ะ