สำหรับการเติม S หรือ ES ในแบบที่ 2 นี้ เป็นการเติมที่คำกริยา (VERB) ค่ะ ซึ่งมีหลักการคล้ายคลึงกับการเติม S หรือ ES ที่ท้ายคำนามเพื่อบอกความเป็นพหูพจน์ (1 สิ่งขึ้นไป) นั่นเอง
เรื่องเล่าก่อนเรียน (โปรดอ่านเพื่อ ความเข้าใจ ที่ง่ายยิ่งกว่าเดิม อิอิ)
นานมาแล้ว ประธาน (Subject) อาศัยอยู่ในบ้านกลางป่าคนเดียว เนื่องจาก เวลาไปคุยกับใครที่ไหน ก็ไม่เคยมีใครเข้าใจเขาเลย อย่างเช่นวันหนึ่งที่เขาไปเจอกับสาวงามที่เป็นที่ใฝ่ฝันของหนุ่มละแวกเดียวกันในหมู่บ้าน เขาได้รวบรวมกำลังใจและพูดกับเธอว่า "ผม ...." "เ่อ่อ....ผม......" หลังจากที่ได้พยายามแล้วพยายามอีกเค๊าก็ไม่สามารถทำให้หญิงคนนั้นเข้าใจเขาได้เลย จนในที่สุด เขาก็คิดว่า การอยู่คนเดียวคงเป็นการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด
แต่แล้ววันหนึ่ง ในขณะที่เขากำลังผ่าฟืนอยู่ ก็มีหญิงสาวน่ารักคนหนึ่ง นามว่ากริยา (Verb) หลงทางมา ท่าทางของเธอเศร้าหมองนัก ด้วยเพราะว่าทุกคนเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นคนชอบสั่งนู๊นสั่งนี่มาโดยตลอด ตั้งแต่เด็ก เท่าที่เธอจำความได้ เธอก็ได้แต่พูดกับคนอื่นๆว่า "กิน" "เดิน" "เล่น" "รัก" "คิด" จนเพื่อนๆที่อยู่ใกล้เธอเริ่มตีตัวออกห่าง เพราะต่างไม่ชอบการวางอำนาจของเธอ ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะมาปลีกวิเวกอยู่ท่ามกลางธรรมชาติสักพัก
ประธาน (Subject) ได้เริ่มเดินเข้าไปทักทายกับสาวน้อยคนนั้นว่า " ผม ...." แล้วเสียงเขาก็เงียบหายไปเช่นเดิม ชั่ววินาทีหนึ่งที่ดูยาวนานเป็นหลายนาที ต่างคนต่างไม่มีใครยอมปลิปาก แต่แล้ว กริยา (Verb) สาวน้อยหน้าหวานก็ได้เงยหน้าขึ้น ด้วยความดีใจเป็นครั้งแรกที่เธอมีเพื่อนใหม่เข้ามาทักทาย พร้อมกับพูดว่า "ต้องการ" ทั้งสองคนพูดด้วยกันตามประสาตนเองอยู่สักพัก และไม่นานความสัมพันธ์ของทั้งสองก็เิริ่มพัฒนากลายเป็นเพื่อนสนิท
(ที่หลายๆคนไ่ม่อยากเป็น แอบแซว) เพราะทั้งสองมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ อย่างเช่นเวลาไปเดินตลาด ประธาน (Suject) มักเริ่มพูดว่า "เรา...." กริยา (Verb) ก็จะรีบเสริมทันทีว่า "ต้องการ...." เพียงเท่านี้ ทุกคนก็ล้วนเข้าใจความปรารถนาของทั้งสองคนอย่างง่ายดาย
ไม่น่าแปลกที่วันหนึ่งไม่นาน หลังจากนั้น ประธาน (Subject) ตัดสินใจที่จะเปิดเผยความในใจกับกริยา (Verb) เมื่อเขาเริ่มพูดว่า "ผม....." กริยา (Verb) ด้วยความคิดเดียวกันก็ตอบกลับออกไปว่า "รัก...." ตั้งแต่นั้นมา ทุกคนก็ได้มีโอกาสแสดงความยินดีกับคู่รักคู่ใหม่ คู่ที่แปลกที่สุดในโลกแต่ก็เป็นคู่รักที่ส่งอิทธิพลต่อคนที่เรียนภาษาอังกฤษทั่วโลกเช่นกัน เพราะตั้งแต่นั้น ทุกคนต่างก็รู้ว่า ประธาน (Subject) และกริยา (Verb) ได้บอกความนัยที่ยิ่งใหญ่ต่อกัน ว่า "ฉันรักเธอ"
ดังนั้น ทุกครั้งที่เราเขียนหรือเรียนภาษาอังกฤษ เราจึงต้องจำไว้เสมอว่า ประธานหลงรักกริยา และกริยาหลงรักประธานได้อย่างไร เพื่อที่เราจะได้ไม่ลืมว่า ไม่ว่าประธานจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเช่นไร กริยาก็จะตามรักและปรับตัวเองตามไปเช่นนั้นเสมอ นั่นก็คือที่มาของ การที่เราต้องผันกริยาตามประธานนั่นเอง หรือที่เขาเรียนกันยากๆว่า Subject Verb Agreement
ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่ประธานเป็นเอกพจน์ (ยกเว้น I กับ You)
กริยาก็จะเติม S หรือ ES เสมอ
กริยาก็จะเติม S หรือ ES เสมอ
เช่น
He loves his parents. (เขารักพ่อแม่ของเขา)
Sarah wants to learn new things. (ซาร่าต้องการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ)
My papa lives in Australia. (คุณพ่อของฉันอาศัยอยู่ในออสเตรเลีย)
เป็นต้น
ไม้ตายในการจำค่ะ... (เหมาะสำหรับผู้ที่งงเป็นไก่ตาแตกตั้งแต่เด็กๆ ...)
*******************
ตั้งแต่ตอนนี้ไป เป็น "ขั้นเทพ" ค่ะ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับน้องๆ ที่จะสอบเข้านะคะ มา เด็กเทพ หรือ เด็กเม็บ มาลุยกันเลยค่ะ
ปล. เด็กเม็บเป็นศัพท์วัยรุ่น มาใหม่ล่าสุด ครูสาลี่ขอ Trendy ตามเด็กๆ หน่อยแล้วกันนะคะ อิอิ
กฎข้อที่ 1
เมื่อประธาน 2 ตัว มี and เป็นตัวเชื่อม จะมีความหมายเหมือน 1+1 = 2 นะคะ
และเมื่อประธานเป็นพหูพจน์ (มีมากกว่า 1) กริยาที่ตามมาต้องไม่เติม S หรือ ES นั่นเอง ตามรูปเลยค่ะ
กฎข้อที่ 2
เมื่อประธาน 2 ตัว มี with, as well as, หรือ together with เป็นตัวเชื่อม ให้กริยาผันตามประธานตัวที่ 1 (ตัวที่อยู่ไกลจากกริยาที่สุด) นะคะ
ตามรูปเลยค่ะ
กฎข้อที่ 3
เมื่อประธาน 2 ตัว มี Either...or.... หรือ Neither.....nor หรือ Not only ............ but also.......... เป็นตัวเชื่อม ให้กริยาผันตามประธานตัวที่ 2 (ตัวที่อยู่ใกล้กับกริยามากที่สุด) นะคะ
ตามรูปเลยค่ะ
เป็นยังไงบ้างคะ งงหรือเปล่าเอ่ย ยังไงครูสาลี่ขอให้ทุกคนสนุกสนานกับการเรียนภาษาอังกฤษนะคะ ครูจะพยายามหนีงานแปล เข้ามาอัพบล็อกบ่อยๆค่ะ เพื่อทุกๆคน อิอิ
ถ้ายังแซบไม่หาย
เชิญอ่านต่อตอนอวสานได้ที่นี่ค่ะ
28 ความคิดเห็น
MY father....all day yesterday
ตอบลบควรเติม อะไรดี
Days คำว่า Day ต้องเติม S ไหม คับ
ลบคำว่า day ตรงนี้ เราต้องตีความก่อนค่ะ ว่า มันหมายถึงหลายวันหรือว่าวันเดียว
ลบเราเลยต้องมาดูคำว่า all ด้วย คำว่า all อาจจะมีความหมายได้หลายอย่าง เช่น (1) หมายถึง บอกจำนวนทั้งหมด เช่น All ladies สุภาพสตรีทุกคน หรือ (2) หมายถึง ทั่ว หรือ ตลอด เช่นในข้อนี้ เมื่อใช้กับคำว่า day เราจะหมายถึง ตลอดทั้งวัน พ่อฉันแดนซ์กระจาย ตลอดเวลาเลย ^^
ดังนั้น คำว่า day ในที่นี้ จึงหมายถึง วันเพียงหนึ่งวัน คำว่า day จึงไม่ต้องเติม "s" ค่ะ
ค่อยเข้าใจขึ้นหน่อยไหมค้า
สาลี่คิดว่า เติมอะไรก้ได้ค่ะที่เป็น กริยา (ที่ไม่ต้องการกรรม)
ตอบลบและกริยานั้นต้องเป็นช่อง 2 เพราะมีคำบอกอดีตคือ Yesterday หรือเมื่อวานนี้ค่ะ
ในประโยคนี้อาจเติม My father danced all day yesterday. หรือ My father worked all day yesterday. ค่ะ
อิอิ
ดีจังเข้าจัยง่ายมากกเรยค่
ตอบลบT-T~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~*-*555555555555555555
ตอบลบWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEE
ตอบลบสู้ๆครับครูสาลี่
ตอบลบสู้ไปด้วยกันแล้วกันนะคะ ห้ามถอย ... ^^"
ตอบลบขอบคุณนะค่ะ..เป็นประโยชน์มากค่ะ
ตอบลบยินดีค่ะ :)
ตอบลบอ่านตอนนี้จบแล้วอย่าลืมคลิกอ่านตอนอวสานนะคะ
สู้ๆ
ขอบคุณนะครับ เข้าใจละครับ
ตอบลบ:) ค่ะ มีอะไรแจ้งได้นะคะ
ตอบลบพักนี้สาีลี่ไม่ค่อยได้เขียนบล็อกเท่าไหร่
แต่เดี๋ยวมีโอกาสจะอัพให้อ่านแก้เหงาเรื่อยๆ ค่ะ
กร๊าบบบ งามๆๆสักล้านทีครับ จะบอกครูว่า ขอบคุณคร๊าบบบบบ เข้าใจ แต่ยังจำไม่ค่อยด้าย ว่ะฮ่าๆๆๆ สรุปว่าเข้าใจครับ
ตอบลบ555 เจอ ออร์ริกาโน่ อีกทีในหน้านี้ อิอิ
ตอบลบจ้า นี่กะว่าจะอ่านมาราธอนข้ามปีเลยรึคะ
สาลี่เชื่อว่าถ้าเราไม่ถอย อ่านหลายๆ รอบ พร้อมยกตัวอย่างของตัวเองในใจ
ออร์ริกาโน่ ไม่ลืมและจะจำได้แน่ๆ ค่ะ (~^_^)~
เข้าใจง่ายมากเลยครับ เป็นอะไรที่สงสัยมานานแล้วตอนเวลาผมอ่านซับอังกฤษ
ตอบลบ(ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องGrammarเลย ขอมาอาศัยBlogครูสาลี่หน่อยนะครับ)
แล้ว neither กับ either แตกต่างกันยังไงแล้วใช้เมื่อไหร่อ่าค่ะ?
ตอบลบจำเยอะมากเลย ขอบคุณค่า : )
ตอบลบJwOow
สุดยอดดดดด ทำต่อไปนะครับ สู้ๆ เข้าใจเยอะเลย
ตอบลบผมเริ่มเข้าใจมากขึ้นแล้วครับ
ตอบลบสุดยอดครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆอย่างนี้ครับ
ขอบคุณมากครับ
ตอบลบขอบคุณค่ะ อ่านแล้วเข้าใจง่าย
ตอบลบกริยาช่องที่1 ไม่เติม s ใช้อย่างไรค่ะ
ตอบลบกริยาช่อง 1 ที่ไม่เติม "S" ใช้กับประธานที่เป็นพหูพจน์ค่ะ เช่น
ลบThey like to play football but she likes to play card.
They (พวกเขา = มีหลายคน มากกว่าหนึ่งคนขึ้นไป เราเรียกว่า พหูพจน์)
ตรงกฏข้อ3 ปธ2เป็น your ทำไมใช้ is
ตอบลบเป็น his ทำไมใช้ have ละคะ
ตอบค้า
ลบตรงนี้ต้องพิจารณาดีดีนะคะ คำว่า Your นั้นยังไม่ใช่ คำนามหลักที่ทำหน้าที่เป็นประธานตัวที่ 2 ค่ะ คำนามหลักที่ทำหน้าที่เป็นประธานตัวที่ 2 จริงๆ ก็คือคำว่า "friend" ค่ะ
และเช่นเดียวกัน สำหรับตัวอย่างในประโยคที่ 2
คำนามหลักที่ทำหน้าที่เป็นประธานตัวที่ 2 ก็ไม่ใช่ his แต่เป็น
"classmates" ค่ะ
:) จะให้เข้าใจยิ่งขึ้นต้องไปอ่านเรื่อง Pronoun หรือคำสรรพนามค่ะ
สรรพนาม ตอนที่ 1 http://www.krusali.com/2011/09/1pronoun.html
สรรพนาม ตอนที่ 2
http://www.krusali.com/2011/09/23-pronoun.html
และตอนที่ 3
http://www.krusali.com/2011/09/33-pronoun.html
His father likes tennis. ทำไมคำกริยาต้องเติม s
ตอบลบHer husband is a doctor ทำไมคำกริยาไม่เติม s
สอบถามค่ะ
ตอบลบเวลาใช้ set เพื่อบ่งบอกจำนวน เราควรเติม s หลัง set ไหมค่ะ
เช่น จำนวน 2 set หรือ 2 sets
ทักทาย แสดงความคิดเห็นหรือถามคำถามได้ ที่นี่ เลยค่ะ